สำหรับใครที่รักการกิน มังคุ ดและอย ากจะปลูกไว้ทานเองสักต้น จะได้ไม่ต้องซื้ อ แต่ก็ปลูกทีไรเป็นไม่รอ ดทุกที วันนี้เรามีวิ ธีปลูกมาฝากกัน ซึ่งมือใหม่หัดปลูกก็สามารถทำได้ไม่ย ากเลยละ จะเป็นอ ย่ างไรเราไปดูกันเลย
มังคุ ดเราป ลู กไว้ท า นเองในบ้านสักต้นสองต้นก็ไม่ต้องเ สี ยเ งิ นซื้ อแล้ว สำหรับคนที่อย ากจะมีต้น มังคุ ดเป็นของตั ว เ อ ง ก็หัน มาปลูกได้เลย ดูแลไม่ย ากให้ผลผลิตดีมีผลดกเต็มต้น
เพียงแค่ทำต า มคำแนะนำก ารปลูกต ามด้านล่างนี้ได้เลย แม้ว่าจะเป็น มือใหม่ในก ารทำเกษตรก็สามารถปลูกร อ ดได้เหมือนกัน ถ้าพร้อมแล้วมาดูขั้ น ต อ นก ารปลูกมังคุ ดกันได้เลย
การเตรียมแปลงและหลุมปลูก
หลังจากที่เราไถพรวนหรือขุดหลุมปลูกเสร็จแล้วจะต้องต ากดินไว้ให้แห้งก่อนสัก 10 วัน ก่อนที่ เร าจ ะทำก ารเอาต้นกล้ามังคุ ดมาปลูก และขนาดหลุมปลูกให้อยู่ที่ 30 – 50 เซนติเมตรและถ้าอย ากจะปลูกเร็วก็อาจจะต ากหลุมสัก 5 วัน ระยะห่างระหว่างหลุมหรือแถวนั้นก็จะอยู่ที่ 9 x 9 หรือ 10 x 10 เมตร
ต้นกล้าที่เอามาปลูกนั้นก็มาจ า ก ก า รตอนหรือ การเ สี ย บ ย อ ด มีระยะการปลูกที่ 6 x 6 เมตร แล้วก็รองก้ นด้วยปุ๋ ยคอ กประมาณ 5 กำมือหว่านลงไปและใส่ปุ๋ ย 15 – 15 – 15 ลงไปด้วย 1 กำมือ แล้วผสมเข้ากับดินในก้ นหลุม
ขั้ น ต อ นการปลูก
ช่วงฤดูที่ควรปลูกคือหน้าฝนในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน จะช่วยให้ต้น มังคุ ดตั้งต้นได้เร็ว โดยก ารปลูกนั้นจะมี 2 แบบ ซึ่งจะเป็นการปลูกแบบโพนโคน ในภ า คใ ต้จะนิยมปลูกแบบนี้เพราะฝนตกชุกตลอ ดและมีน้ำท่วมขังได้ง่าย
โดยเป็นก ารปลูกแบบขุดดินกองให้สูงจากพื้นแล้วก็วางต้นกับกองดินและขุดดินกลบโ ค น ต้ นให้แน่นเลย แล้วหาไม้มาปักหลักแล้วมัดเชือ กป้องกันไม่ให้ต้นโค่นล้มได้ง่าย
การปลูกแบบหลุมก็เป็นอีกวิ ธีที่ทำง่าย นิยมปลูกในพื้นที่น้ำไม่ท่วมขัง โดยหลังจากที่คลุกผสมปุ๋ ยกับดินแล้ว ก่อนนำต้นลงหลุมและเกลี่ยดินกลบ ทำให้พูนดินสูงกว่าผิวแปลงเล็กน้อยก่อนจะหาไม้มาปักหลักและรัดต้นไว้ไม่ให้ล้มได้ง่าย
การดูแลให้น้ำและปุ๋ ย
หากเป็นหน้าฝนก็ไม่ต้องรดทุกวันก็ได้วันไหนที่ฝนตกก็ไม่ต้องรด แต่ถ้าเป็นในช่วงที่ไม่มีฝนเราจะต้องคอยรดน้ำอย่ างสม่ำเสมอ
หรือติดตั้งระบบน้ำให้ดีเพื่อจะได้รดน้ำได้ง่าย ในส่วนของปุ๋ ยที่ใช้นั้นจะเป็นปุ๋ ย 15 – 15 – 15 บำรุงต้นหลังการปลูกใส่ในอัตรา 0.5 – 1 กิโลกรัม/ต้น
ในส่วนการให้ปุ๋ ยบำรุงด อ กและผลนั้นให้มาใช้เป็นสู ต ร 13 – 13 – 21 หรือ 8 – 24 – 24 ในอัตรา 2 – 3 กิโลกรัม/ต้น และพอหลังจากที่เราเก็บเกี่ยวมังคุ ด
แล้วก็กลับมาใช้เ ป็ น ปุ๋ ย สู ต รเสมอ 15 – 15 – 15 ในอัตรา 1 – 3 กิโลกรัม/ต้นเช่นเดิม และใส่ปุ๋ ยพืชสด มูล สั ต ว์ทั่วไปได้ด้วยเป็นการบำรุงดินไปในตัว
การควบคุมวั ช พื ช
เราจะต้องคอยกำจั ด วั ช พื ชออ กเสมอและพอต้น มังคุ ดตั้งต้นได้แล้วเติบโตได้เต็มที่เร าก็กำ จั ด วัชพืช ปีละ 2 ครั้งก็พอ และหาพืชคลุมดิน มาปลูกด้วย จะช่วยคลุมดินได้ดี
เช่น ถั่ว เป็นต้น ในช่วงแรกที่ปลูกมังคุ ดเราจะต้องคอยถอนหญ้าอยู่ตลอ ด เพราะมันจะแย่งอาหารและต้นสูงกว่าต้นไม้เราเ สี ยอีก จะต้องใส่ใจตรงนี้ด้วย
การเ ก็ บ เ กี่ ย ว มังคุ ด
หากเป็น มังคุ ดที่ปลูกด้วยเมล็ดนั้นจะติดผลให้เราเก็บครั้งแรกก็ประมาณ 7 ปี หรือ 7 – 10 ปี แต่ว่าผลอาจจะยังไม่เยอะนัก แต่พออายุ 13 ปีขึ้น ก็จะเริ่มมีผลผลิตเยอะขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 60 กิโลกรัม/ต้น/ฤดู และจะมีน้ำหนักประมาณ 70 – 100 กรัม/ผม เฉลี่ย 80 กรัม/ผล
สำหรับมังคุ ดที่ปลูกทางภาคตะวันออ กจะเก็บในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ส่วนในทางภ า ค ใ ต้นั้นจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันย ายน ก็นับอายุหลังจากมังคุ ด
ออ กด อ กจะประมาณ 16 สัปดาห์หรือ 11 – 12 สัปดาห์หลังด อ กบานเราก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว อายุการเก็บผลอยู่ที่ 1 – 2 สัปดาห์ในที่ร่มธรรมดา หาแช่เย็นในอุณหภูมิ 10 – 15 องศาจะอยู่ได้ถึง 2 – 4 สัปดาห์เลย
มังคุ ดเนื้ออร่อยส่วนเปลือ กเราก็นำมาทำเป็นน้ำหมั กเปลือ กมังคุ ดเอาไว้บำรุงต้นพืชผัก หากคุณอย ากจะปลูกต้น มังคุ ดเอาไว้ทานสักต้นก็เริ่มลงมือ กันได้เลย คุณจะได้มีมั ง คุ ด อร่อย ๆ เอาไว้ทานที่บ้านของตัวเอง
ที่มา kasetchaoban